Customer Reviews

เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยของคนที่กำลังเลือกศึกษาการลงทุนในหุ้นหรือเล่นหุ้นนั้น ส่วนใหญ่จะเข้าใจว่ามีอยู่ 2 แนวทางใหญ่ๆ นั่นคือ แนว VI หรือเลือกซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานดีแล้วเก็บไว้ยาวๆ ให้ออกดอกออกผลในอนาคต ส่วนอีกแนวทางที่หลายๆ คนรู้จักตั้งแต่ยังไม่ได้เข้ามาวงการหุ้นก็คือการเล่นหุ้นแบบเดย์เทรด ที่เลือกหุ้นที่กำลังมีข่าว กำลังมีคนหรือจ้าวลงเล่น แล้วรีบชิงขายเมื่อได้กำไร

ถ้าใครกำลังมองหาสไตล์การเล่นหุ้น และคิดว่ามีแค่ 2 แนวทางข้างต้นนั้นบอกได้เลยว่าผิด เพราะยังมีอีกทฤษฎีในการลงทุนในหุ้นก็คือ การลงทุนหุ้นแบบกลยุทธ์หุ้นห่านทองคำ ที่ทางหนังสือเล่มนี้ได้อธิบายไว้เป็นอย่างดี เริ่มตั้งแต่การเลือกซื้อหุ้นแบบไหนที่เหมาะสม การขายทำไรออกไปบ้าง เพื่อรอซื้อกลับมาใหม่เมื่อราคาของหุ้นนั้นลง เพื่อลดต้นทุน บวกกับการนำเงินปันผลที่ได้กลับมาซื้อหุ้นตัวนั้นใหม่ เพื่อลดต้นทุนอีกต่อนึงด้วย

นอกจากการซื้อหุ้นแล้ว ยังมีเรื่องของการสำรวจและการทำตัวเป็นนักลงทุน ผู้ถือหุ้นที่ดีที่หนังสือเล่มอื่นไม่ค่อยจะหยิบยกเรื่องนี้มาคุยเท่าไหร่นัก ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่ดี ถือเป็นการปลูกฝังนักลงทุนให้เป็นนักลงทุนที่ดีในแวดวงนี้อีกด้วย หรือจะเป็นการรวมพลังการเป็นผู้ถือหุ้นที่ดี ดูหุ้น ให้ดูถึงเจ้าของบริษัท คณะกรรมการของบริษัทนั้นๆ ตรวจสอบคณะกรรมการของบริษัทที่เราซื้อหุ้น หรือทำหน้าที่เป็นผู้ถือหุ้นที่ดี เพื่อให้เกิดการประชุมผู้ถือหุ้นที่ดีและราบรื่นด้วย ไม่ได้เพียงแต่เข้ามาลงทุนหุ้นแล้วเข้ามากอบโกยผลประโยชน์แต่เพียงอย่างเดียว

กลยุทธ์หุ้นห่านทองคำเป็นหนังสือเล่มเล็กๆ ที่ตอนอ่านนั้น ตอนแรกก็คิดว่าจะน่าเบื่อหรือเข้าใจยาก เมื่ออ่านๆ ไปรู้ตัวอีกทีก็อ่านจบเล่มเสียแล้ว โดยใช้เวลาไม่นาน เรียกได้ว่าวางไม่ลงเลยจริงๆ เพราะทางผู้เขียนใช้ภาษาที่เป็นกันเอง ผสมกับประสบการณ์ที่ทางผู้เขียนเคยประสบมา ทำให้ผู้อ่านมองเห็นภาพและเกิดความรู้สึกร่วมไปกับเนื้อเรื่องได้อย่างง่ายๆ ดังนั้นหนังสือเล่มนี้ถือเป็นคัมภีร์อีกเล่มที่คนที่กำลังจะกระโดดเข้าสู่วงการหุ้นจะต้องมีติดตัวไว้ แล้วคนที่อ่านจบแล้วจะกลายเป็นนักลงทุนที่มีคุณภาพอีกคนหนึ่งแน่นอน

เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยของคนที่กำลังเลือกศึกษาการลงทุนในหุ้นหรือเล่นหุ้นนั้น ส่วนใหญ่จะเข้าใจว่ามีอยู่ 2 แนวทางใหญ่ๆ นั่นคือ แนว VI หรือเลือกซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานดีแล้วเก็บไว้ยาวๆ ให้ออกดอกออกผลในอนาคต ส่วนอีกแนวทางที่หลายๆ คนรู้จักตั้งแต่ยังไม่ได้เข้ามาวงการหุ้นก็คือการเล่นหุ้นแบบเดย์เทรด ที่เลือกหุ้นที่กำลังมีข่าว กำลังมีคนหรือจ้าวลงเล่น แล้วรีบชิงขายเมื่อได้กำไร

ถ้าใครกำลังมองหาสไตล์การเล่นหุ้น และคิดว่ามีแค่ 2 แนวทางข้างต้นนั้นบอกได้เลยว่าผิด เพราะยังมีอีกทฤษฎีในการลงทุนในหุ้นก็คือ การลงทุนหุ้นแบบกลยุทธ์หุ้นห่านทองคำ ที่ทางหนังสือเล่มนี้ได้อธิบายไว้เป็นอย่างดี เริ่มตั้งแต่การเลือกซื้อหุ้นแบบไหนที่เหมาะสม การขายทำไรออกไปบ้าง เพื่อรอซื้อกลับมาใหม่เมื่อราคาของหุ้นนั้นลง เพื่อลดต้นทุน บวกกับการนำเงินปันผลที่ได้กลับมาซื้อหุ้นตัวนั้นใหม่ เพื่อลดต้นทุนอีกต่อนึงด้วย

นอกจากการซื้อหุ้นแล้ว ยังมีเรื่องของการสำรวจและการทำตัวเป็นนักลงทุน ผู้ถือหุ้นที่ดีที่หนังสือเล่มอื่นไม่ค่อยจะหยิบยกเรื่องนี้มาคุยเท่าไหร่นัก ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่ดี ถือเป็นการปลูกฝังนักลงทุนให้เป็นนักลงทุนที่ดีในแวดวงนี้อีกด้วย หรือจะเป็นการรวมพลังการเป็นผู้ถือหุ้นที่ดี ดูหุ้น ให้ดูถึงเจ้าของบริษัท คณะกรรมการของบริษัทนั้นๆ ตรวจสอบคณะกรรมการของบริษัทที่เราซื้อหุ้น หรือทำหน้าที่เป็นผู้ถือหุ้นที่ดี เพื่อให้เกิดการประชุมผู้ถือหุ้นที่ดีและราบรื่นด้วย ไม่ได้เพียงแต่เข้ามาลงทุนหุ้นแล้วเข้ามากอบโกยผลประโยชน์แต่เพียงอย่างเดียว

กลยุทธ์หุ้นห่านทองคำเป็นหนังสือเล่มเล็กๆ ที่ตอนอ่านนั้น ตอนแรกก็คิดว่าจะน่าเบื่อหรือเข้าใจยาก เมื่ออ่านๆ ไปรู้ตัวอีกทีก็อ่านจบเล่มเสียแล้ว โดยใช้เวลาไม่นาน เรียกได้ว่าวางไม่ลงเลยจริงๆ เพราะทางผู้เขียนใช้ภาษาที่เป็นกันเอง ผสมกับประสบการณ์ที่ทางผู้เขียนเคยประสบมา ทำให้ผู้อ่านมองเห็นภาพและเกิดความรู้สึกร่วมไปกับเนื้อเรื่องได้อย่างง่ายๆ ดังนั้นหนังสือเล่มนี้ถือเป็นคัมภีร์อีกเล่มที่คนที่กำลังจะกระโดดเข้าสู่วงการหุ้นจะต้องมีติดตัวไว้ แล้วคนที่อ่านจบแล้วจะกลายเป็นนักลงทุนที่มีคุณภาพอีกคนหนึ่งแน่นอน

ใครที่ก้าวเข้าสู่เส้นทางการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้น หลายๆ คนก็ชอบที่จะดูกำไรขาดทุนจากพอร์ตบนหน้าจอเท่านั้น ว่ากำไร ขาดทุน เรามีต้นทุนเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่หากพูดกันจริงๆ แล้ว การดูผลงานของเราจากหน้าจอนั้น แทบจะใช้ไม่ได้เลย ตัวผมเองก็ไม่ได้เชื่อการแสดงพอร์ตบนหน้าจอแต่ต้น เพราะใครๆ ก็ย่อมที่จะมีทั้งซื้อทั้งขายอยู่ตลอดเวลา เมื่อเราซื้อขายบ่อยๆ ตัวเลขบนหน้าจอที่บันทึกนั้นก็จะผิดเพี้ยนไปเรื่อยๆ แล้วผมแก้ยังไงก็ต้องอาศัยการจำ หรือไม่ก็จดลงสมุดหรือบนโปรแกรม Excel

แต่ล่าสุดเมื่อได้มาเจอกับหนังสือเล่มนี้ บันทึกการลงทุน เขาได้บอกวิธีการบันทึกการลงทุน พอร์ตการเล่นหุ้นของเราไว้อย่างละเอียด ทั้งการซื้อ การขาย เมื่อกระทำใดๆ ก็นำมาจดลงโปรแกรม Excel ที่มีอยู่บนคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง เมื่อถึงเวลาบริษัทจ่ายเงินปันผล เราก็สามารถนำเงินปันผลนั้นมาคำนวณต่อได้ทันที รวมทั้งค่าธรรมเนียมในการซื้อหรือขายหุ้น คนส่วนมากก็มักจะไม่ได้สนใจตัวเลขตรงนี้เท่าไหร่ ในหนังสือก็ได้บอกวิธีเริ่มตั้งแต่การสร้างตาราง มีตารางแยกเป็นหุ้นรายตัว ตารางพอร์ตการลงทุนรวมด้วย เพื่อใช้ดูผลงานโดยรวมพอร์ตทั้งหมด

ในหนังสือนั้น คนที่จะทำไปได้พร้อมๆ กับหนังสือก็จะต้องเป็นคนที่เข้าใจ มีพื้นฐานการคำนวณ มีพื้นฐานการสร้างตาราง Excel ในระดับที่ดีด้วย เพราะจะมีเรื่องการสร้างสูตรคำนวณ ที่วิธีการสร้างหรือการใส่สูตรทางหนังสือไม่ได้อธิบายในส่วนนี้ไว้ หากใครที่ไม่มีพื้นฐานหรือความรู้ในส่วนนี้ก็อาจจะงงได้ง่ายๆ และทำตามหนังสือได้ยาก และสิ่งที่หนังสือได้ให้กับคนอ่าน ก็น่าจะเป็นเรื่องของการบันทึกจะช่วยให้เราทุ่มเทและเอาใจใส่กับการลงทุนให้มากขึ้น ทำให้เราเห็นภาพรวม เห็นอนาคตว่าพอร์ตของเรานั้นจะเป็นทิศทางยังไง ควรจะหยุดลงทุนหุ้นหรือลงทุนต่อกับหุ้นตัวไหน ซึ่งตรงนี้ถือว่าสำคัญมากๆ สำหรับคนที่ลงทุนในหุ้นทุกๆ คนเหมือนเป็นแผนที่ที่ทุกคนควรจะสร้าง เพื่อแผนการลงทุนที่ถูกต้องของทุกคนนั่นเอง

ใครที่ก้าวเข้าสู่เส้นทางการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้น หลายๆ คนก็ชอบที่จะดูกำไรขาดทุนจากพอร์ตบนหน้าจอเท่านั้น ว่ากำไร ขาดทุน เรามีต้นทุนเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่หากพูดกันจริงๆ แล้ว การดูผลงานของเราจากหน้าจอนั้น แทบจะใช้ไม่ได้เลย ตัวผมเองก็ไม่ได้เชื่อการแสดงพอร์ตบนหน้าจอแต่ต้น เพราะใครๆ ก็ย่อมที่จะมีทั้งซื้อทั้งขายอยู่ตลอดเวลา เมื่อเราซื้อขายบ่อยๆ ตัวเลขบนหน้าจอที่บันทึกนั้นก็จะผิดเพี้ยนไปเรื่อยๆ แล้วผมแก้ยังไงก็ต้องอาศัยการจำ หรือไม่ก็จดลงสมุดหรือบนโปรแกรม Excel

แต่ล่าสุดเมื่อได้มาเจอกับหนังสือเล่มนี้ บันทึกการลงทุน เขาได้บอกวิธีการบันทึกการลงทุน พอร์ตการเล่นหุ้นของเราไว้อย่างละเอียด ทั้งการซื้อ การขาย เมื่อกระทำใดๆ ก็นำมาจดลงโปรแกรม Excel ที่มีอยู่บนคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง เมื่อถึงเวลาบริษัทจ่ายเงินปันผล เราก็สามารถนำเงินปันผลนั้นมาคำนวณต่อได้ทันที รวมทั้งค่าธรรมเนียมในการซื้อหรือขายหุ้น คนส่วนมากก็มักจะไม่ได้สนใจตัวเลขตรงนี้เท่าไหร่ ในหนังสือก็ได้บอกวิธีเริ่มตั้งแต่การสร้างตาราง มีตารางแยกเป็นหุ้นรายตัว ตารางพอร์ตการลงทุนรวมด้วย เพื่อใช้ดูผลงานโดยรวมพอร์ตทั้งหมด

ในหนังสือนั้น คนที่จะทำไปได้พร้อมๆ กับหนังสือก็จะต้องเป็นคนที่เข้าใจ มีพื้นฐานการคำนวณ มีพื้นฐานการสร้างตาราง Excel ในระดับที่ดีด้วย เพราะจะมีเรื่องการสร้างสูตรคำนวณ ที่วิธีการสร้างหรือการใส่สูตรทางหนังสือไม่ได้อธิบายในส่วนนี้ไว้ หากใครที่ไม่มีพื้นฐานหรือความรู้ในส่วนนี้ก็อาจจะงงได้ง่ายๆ และทำตามหนังสือได้ยาก และสิ่งที่หนังสือได้ให้กับคนอ่าน ก็น่าจะเป็นเรื่องของการบันทึกจะช่วยให้เราทุ่มเทและเอาใจใส่กับการลงทุนให้มากขึ้น ทำให้เราเห็นภาพรวม เห็นอนาคตว่าพอร์ตของเรานั้นจะเป็นทิศทางยังไง ควรจะหยุดลงทุนหุ้นหรือลงทุนต่อกับหุ้นตัวไหน ซึ่งตรงนี้ถือว่าสำคัญมากๆ สำหรับคนที่ลงทุนในหุ้นทุกๆ คนเหมือนเป็นแผนที่ที่ทุกคนควรจะสร้าง เพื่อแผนการลงทุนที่ถูกต้องของทุกคนนั่นเอง

Basic Japanese ภาษาญี่ปุ่นสำหรับผู้เริ่มต้น ถือเป็นหนังสือสอนภาษาญี่ปุ่นที่น่าสนใจอีกเล่มในท้องตลาดนะครับ กับการนำเสนอการสอนที่ดูเข้าใจง่ายขึ้น ก็คนที่จะเปิดอ่าน ย่อมเป็นคนที่ไม่มีพื้นฐานภาษาญี่ปุ่นมาก่อนเลยนี่นา ในเล่มไม่ใช่ว่าจะมีแต่ตัวหนังสือเล็กๆ ยาวติดกันเป็นแพ แต่ทางคนเขียนเขาได้ใช้รูปภาพการ์ตูนมาสื่อ ใช้ตัวอย่างประโยคที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ให้เข้าใจตามลำดับความสำคัญ ตามลำดับเริ่มต้นการใช้งาน ทำให้รู้สึกการเปิดหนังสือทีละหน้านั้นเพลินๆ ไม่หนัก ไม่เครียดดี แถมในแต่ละประโยค หนังสือก็จะแบ่งด้วยว่า คำนี้แปลว่าอะไร มีหน้าที่อะไร เป็นคำช่วยของอะไร เออ ตอนแรกก่อนจะอ่าน เปิดเจอเล่มนี้ก็เห็นเลยว่าแตกต่างจากเล่มอื่นๆ ที่มักจะให้เราจำรูปประโยค โดยที่เราก็ไม่รู้ว่าแต่ละคนนั้นคืออะไร มีหน้าที่อะไร คือมีหน้าที่จำก็จำไป ก็ทำให้เราเข้าใจง่ายขึ้น จะบอกว่ามีส่วนมากนะ หลายๆ คนคงรู้ภาษาญี่ปุ่นนั้นไม่ได้มีการเรียงคำ เรียงประโยคเหมือนภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ แถมมีการเน้นประธาน เน้นกรรมที่ต่างสถานการณ์อีก ตรงนี้ก็ทำให้อ่านแล้ว เข้าใจมาก ไม่ต้องเน้นจำอย่างเดียว แถมภายในเล่มยังมีซีดีเสียงของคนญี่ปุ่นให้เราฟังการออกเสียงด้วย แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นไฟล์เสียงหรือไฟล์วิดีโอแบบให้เราพูดตาม 1 รอบ 2 รอบนะ หรือใช้ฟังการสอนผ่านทางเสียงเวลาเดินทางนะ แต่จะเป็นการพูดไล่ประโยคตั้งแต่หน้าแรกไปจนถึงหน้าสุดท้ายเลย ตรงนี้อยากให้ปรับปรุงหน่อย เพราะถ้าเกิดเปิดมา ไม่รู้เรื่องหรือไม่ได้ตั้งใจฟัง กลายเป็นฟังไหลยาวไปเลย หรือใช้ได้เฉพาะเวลาที่มือถือหนังสืออยู่ตรงหน้าเท่านั้น แต่โดยรวมแล้ว ตั้งแต่ซื้อมาก็ถือว่าคู่มือสอนภาษาญี่ปุ่นเล่มนี้เป็นเพื่อนที่ดีได้ ทำให้ดูภาษาญี่ปุ่นไม่น่ากลัวจนเกินไปด้วย เข้าใจโดยรวมของภาษาญี่ปุ่นมากขึ้น โดยไม่ได้เน้นจำอย่างเดียว เมื่ออ่านจบ ก็สามารถไปต่อยอดกับเล่มอื่นๆ ได้อีกเยอะเลยครับ

Basic Japanese ภาษาญี่ปุ่นสำหรับผู้เริ่มต้น ถือเป็นหนังสือสอนภาษาญี่ปุ่นที่น่าสนใจอีกเล่มในท้องตลาดนะครับ กับการนำเสนอการสอนที่ดูเข้าใจง่ายขึ้น ก็คนที่จะเปิดอ่าน ย่อมเป็นคนที่ไม่มีพื้นฐานภาษาญี่ปุ่นมาก่อนเลยนี่นา ในเล่มไม่ใช่ว่าจะมีแต่ตัวหนังสือเล็กๆ ยาวติดกันเป็นแพ แต่ทางคนเขียนเขาได้ใช้รูปภาพการ์ตูนมาสื่อ ใช้ตัวอย่างประโยคที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ให้เข้าใจตามลำดับความสำคัญ ตามลำดับเริ่มต้นการใช้งาน ทำให้รู้สึกการเปิดหนังสือทีละหน้านั้นเพลินๆ ไม่หนัก ไม่เครียดดี แถมในแต่ละประโยค หนังสือก็จะแบ่งด้วยว่า คำนี้แปลว่าอะไร มีหน้าที่อะไร เป็นคำช่วยของอะไร เออ ตอนแรกก่อนจะอ่าน เปิดเจอเล่มนี้ก็เห็นเลยว่าแตกต่างจากเล่มอื่นๆ ที่มักจะให้เราจำรูปประโยค โดยที่เราก็ไม่รู้ว่าแต่ละคนนั้นคืออะไร มีหน้าที่อะไร คือมีหน้าที่จำก็จำไป ก็ทำให้เราเข้าใจง่ายขึ้น จะบอกว่ามีส่วนมากนะ หลายๆ คนคงรู้ภาษาญี่ปุ่นนั้นไม่ได้มีการเรียงคำ เรียงประโยคเหมือนภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ แถมมีการเน้นประธาน เน้นกรรมที่ต่างสถานการณ์อีก ตรงนี้ก็ทำให้อ่านแล้ว เข้าใจมาก ไม่ต้องเน้นจำอย่างเดียว แถมภายในเล่มยังมีซีดีเสียงของคนญี่ปุ่นให้เราฟังการออกเสียงด้วย แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นไฟล์เสียงหรือไฟล์วิดีโอแบบให้เราพูดตาม 1 รอบ 2 รอบนะ หรือใช้ฟังการสอนผ่านทางเสียงเวลาเดินทางนะ แต่จะเป็นการพูดไล่ประโยคตั้งแต่หน้าแรกไปจนถึงหน้าสุดท้ายเลย ตรงนี้อยากให้ปรับปรุงหน่อย เพราะถ้าเกิดเปิดมา ไม่รู้เรื่องหรือไม่ได้ตั้งใจฟัง กลายเป็นฟังไหลยาวไปเลย หรือใช้ได้เฉพาะเวลาที่มือถือหนังสืออยู่ตรงหน้าเท่านั้น แต่โดยรวมแล้ว ตั้งแต่ซื้อมาก็ถือว่าคู่มือสอนภาษาญี่ปุ่นเล่มนี้เป็นเพื่อนที่ดีได้ ทำให้ดูภาษาญี่ปุ่นไม่น่ากลัวจนเกินไปด้วย เข้าใจโดยรวมของภาษาญี่ปุ่นมากขึ้น โดยไม่ได้เน้นจำอย่างเดียว เมื่ออ่านจบ ก็สามารถไปต่อยอดกับเล่มอื่นๆ ได้อีกเยอะเลยครับ